วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลักษณะแมวเหบ็บเสนียด

แมวเหน็บเสนียด

เป็นแมวที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด โคนหางเป็นสีด่าง เวลานั่งมักเอาหางซ่อนไว้ใต้ก้นเหมือนค่างในป่า มีนิสัยโหดร้าย เที่ยวไล่กัดแมวตัวอื่นอยู่เสมอ ถ้านำมาเลี้ยงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวเหน็บเสนียด 

เหน็บเสนียดโทษร้าย
เริงเข็ญ
ด่างที่ทุยหางเห็น
โหดร้าย

ทรงรูปพิกลเบญ
จาเพศ
แมวดั่งนี้อย่าไว้
ถิ่นบ้านเสียศรี

ลักษณะแมวกอบเพลิงและแมวปีศาจ

กอบเพลิง
แมวกอบเพลิง เป็นแมวที่ชอบอยู่ตามลำพังตามยุ้งข้าว ตามป่า ไม่ค่อยจะพบคน เวลาพบคนมักกระโดดหนี ชอบทำตัวลึกลับ ให้โทษแก่ผู้ที่นำมาเลี้ยง

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวกอบเพลิง

มักนอนยุ้งอยู่ซุ้ม    ขนกาย อยู่นา
เห็นแต่คนเดินชาย    วิ่งคล้าย
กอบเพลิงกำหนดหมาย    นามบอก ไว้เอย
ทรลักษณชาติค่างร้าย    โทษแท้พลันถึง
 แมวปีศาจ
โบราณถือว่าสัตว์เลี้ยงเพศเมีย ถ้าคลอดลูกออกมาแล้วกินลูกตัวเอง ไม่ว่าสุนัขหรือแมวห้ามเลี้ยงเด็ดขาด แมวชนิดนี้มีรูปร่างเหมือนผีร้าย ตัวผอม หนังเหี่ยวยาน หางขอดนันย์ตาสีแดงเลือด ชอบหลบตามที่มืด กลางวันเซื่องซึม กลางคืนกลับว่องไวปานผีร้าย

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวปีศาจ

ปิศาจจำพวกนี้

อาจินต โทษนา
เกิดลูกออกกิน
ไป่เว้น

หางขดดั่งงูดิน
ยอบขนด
ขนสยากรายเส้น
ซูบเนื้อยานหนัง

ลักษณะแมวพรรณพยัคฆ์และแมวหิณโทษ

พรรณพยัคฆ์

แมวพรรณพยัคฆ์ หรือ แมวลายเสือ มีลักษณะคล้ายเสือ มีขนสีมะกอกเขียว หรือมะกอกแดง หยาบกระด้าง นันย์ตาสีแดงดั่งสีเลือด เสียงร้องโหยหวนเหมือนเสียงผีโป่งร้องตามป่าเขา ชอบหลบซ่อนตามที่มืดในเวลากลางวัน ไม่ควรนำมาเลี้ยง เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อน

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวพรรณพยัคฆ์

มีพรรณพยัฆเพศพื้น    ลายเสือ
ขนดั่งชุบครำเกลือ    แกลบกล้อง
สีตาโสตรแสงเจือ    เจิมเปือก ตาแฮ
เสียงดั่งผีโป่งร้อง    เรียกแคว้นพงไสล

 หิณโทษ

แมวหิณโทษ แมวเพศเมียอีกชนิดที่ไม่ควรเลี้ยง แม้ว่าจะมีลักษณะดี ขนสวยงาม เข้ากับเจ้าของได้ดี แต่มีข้อเสียคือ ยามตั้งท้องครั้งใด ลูกแมวมักจะตายในท้องเสมอ ใครเลี้ยงไว้จะนำภัยพิบัติมาสู่บ้าน

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวหิณโทษ

หิณโทษโหจชาติเชื้อ    ลักษณา
เกิดลูกตายออกมา    แต่ท้อง
สันดานเพศกายปรา    กฎโทษ อยู่แฮ
ไภยพิบัติพาลต้อง    สิ่งร้ายมาสถาน

ลักษณะแมวจตุบทและแมวแซมเสวตร

จตุบท

แมวจตุบท เป็นแมวสีดำ นอกจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงข้อพับทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว นัยน์ตาเป็นสีเหลืองคล้ายดอกโสน ตำราว่าแมวชนิดนี้คนธรรมดาไม่ควรเลี้ยง ควรเลี้ยงเฉพาะราชนิกูล หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวจตุบท

จตุบทหมดเฟศน้อม    นามแสดง ไว้นา
โลมสกลกายแสง    หมึกล้าย
สี่บาทพิศเล่ห์แลง    ลายเสวตร
ตาเลื่อมศรีเหลืองคล้าย    ดอกแย้มนาโสรน
แซมเสวตร

แมวแซมเสวตร (แปลว่า แซมสีขาว) เป็นแมวชนิด นี้มีขนสีดำ แซมด้วยสีขาวไปทั้งตัว แต่ขนบางและค่อนข้างสั้น รูปร่างบางเพรียว ตามีสีเขียวเหมือนแสงหิ่งห้อย เดิมทีเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้พบอีกครั้ง [1]

บทกวีที่เกี่ยวกับแมวแซมเสวตร

ขนดำแซมเสวตรสิ้น    สรรพภางค์
ขนคู่โลมกายบาง    แบบน้อย
ทรงระเบียบสำอาง    เรียวรุนห์ งามนา
ตาดั่งแสงหิ่งห้อย    เปรียบน้ำทองทา

ลักษณะแมวนิลจักรและแมวมุสิลา

นิลจักร

นิลจักร เป็นแมวสีดำอีกชนิดหนึ่ง บริเวณลำคอมีขนขาวเป็นวง เหมือนมีจักรหรือพวงมาลัยคล้องคอ ใครเลี้ยงไว้ จะมากด้วยทรัพย์สินเงินทอง

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวนิลจักร

นิลจักรบอกชื่อช้อย    ลักษณา           
กายดุจกลปีกกา    เทียบแท้
เสวตรจอบรัดกรรฐา    โดยที่
เนาประเทศได้แม้    ดั่งนี้ควรถนอม
มุลิลา

แมวมุลิลา แมวมุลิลานี้ เป็นแมวขนสีดำ ขนเรียบเป็นมัน แต่บริเวณสองหูเป็นสีขาว นัยน์ตาสีเหลืองราวกลีบดอกเบญจมาศ แมวชนิดนี้ ตำราว่าให้เลี้ยงได้เฉพาะพระสงฆ์ ไม่ควรเลี้ยงตามบ้าน

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวมุลิลา

มุลิลาปรากฏแจ้ง    นามสมาน
ใบโสตสองเสวตรปาน    ปักล้วน
ศรีตาผกาบาน    เบญจมาศ เหลืองนา
หางสุดโลมดำถ้วน    บาทพื้นกายเศียร

ลักษณะแมวกระจอก

กระจอก (((((((((   พันธุ์แมว)

แมวกระจอก แมวดำลักษณะคล้ายแมวโสงหเสพยแต่ลำตัวอ้วนกลมน่ารักกว่า ขนดำเป็นมัน มีสีขาวที่รอบปากเท่านั้นส่วนอื่นๆคล้ายกัน นัยน์ตาสีเหลือง ใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง เป็นไพร่จะได้กลายเป็นนาย

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาว รอบจมูก
    * ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
    * ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
    * ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวกระจอก

มีนามกระจอกนั้น    ตัวกลม งามนา
กายดำศรีสรรพสม    สอดพ้น
ขนขาวเฉกเมฆลม    ลอยรอบ ปากแฮ
ตาประสมศรีชื้น    เปรียบน้ำรงผสาน

ลักษณะแมวสิงหเสพย์

สิงหเสพย์

แมวสิงหเสพย์ หรือ แมวโสงหเสพย แมวชนิดนี้มีขนสีดำทั้งตัว แต่มีสีขาวอยู่บริเวณริมฝีปาก จมูกและรอบคอ นัยน์ตาสีเหลืองทอง ใครเลี้ยงไว้จะทำให้มีสมบัติเพิ่ม

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาวรอบจมูก และที่คอ
    * ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
    * ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
    * ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวสิงหเสพย์

เสนาะโสงหเสพยชื่อเชื้อ    ดำกาย
ขาวที่ริมปากราย    รอบล้อม
เวียนเถลิงสอสังข์ปลาย    ณาษิก อยู่แฮ
ตาดั่งศรีรงย้อม    หยาดน้ำจางแสง

ลักษณะแมวขาวมณี

แมวขาวมณี

แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอดเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อว่าเป็นแมวที่เพิ่งกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสำนักครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้เป็นอย่างดี

ลักษณะเด่นของขาวมณี
      สีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาว มณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยใน แมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี จุดด้อยอีกข้อของแมวขาวมณีคือความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น

 ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน: ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว

    * ลักษณะของส่วนหัว: รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่

    * ลักษณะของนัยน์ตา: นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน

    * ลักษณะของหาง: หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้ไม่ประเสริฐส่วนกับลำ

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนมีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวขาวมณีตาสองสี

สายพันธุ์ มี สายพันธุ์

    * สายพันธุ์ตาสีเหลืองอัมพัน
    * สายพันธุ์ตาสีฟ้า

ถ้าเอาทั้งสองสายพันธุ์มาผสมกัน จะเกิดเป็นแมวตาสองสี คือข้างหนึ่งสีเหลือง อีกข้างหนึ่งสีฟ้า

ลักษณะแมววิลาศ

วิลาศ

แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้ง 4และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์ 

แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้ง 4และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์ ื

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิลาศ

ราวคอทับถงาดท้อง    สองหู
ขาวตลอดหางดู    ดอกฝ้าย
มีเสวตรสี่บาทตรู    สองเนตร์ เขียวแฮ
งามวิลาศงามคล้าย    โภคพื้นกายดำ

ลักษณะแมวโกนจา

แมวโกนจา
แมว "โกนจา" หรือบางแห่งก็เขียนว่า "โกญจา" แมวชนิดนี้เป็นแมวสีดำสนิทตลอดทั้งตัว ขนสั้น ไม่มีสีอื่นใดปะปนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กละเอียดนุ่มและเรียบตรงทั้งลำตัว ส่วนหัวกลมแต่ไม่โต มีปากเรียวแหลม หูตั้ง นัยตาเป็นสีเหลืองอมเขียวหรือทองอ่อน อาจเปรียบได้กับดอกบวบแรกแย้มหรือทองดอกบวบ รูปร่างสะโอดสะองคล่องแคล่ว หางยาว ปลายหางแหลมตรง อุ้งเท้าทอดคล้ายเท้าสิงห์ มีความสง่างามขณะเคลื่อนไหว
แมวโกญจาบางทีอาจรู้จักกันในสายพันธุ์บอมเบย์

    ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว

    * ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

    * ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)

    * ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้ไม่ประเสริฐส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวมากเกินไป ขนมีสีอื่นปะปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป ( เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมวโกนจา

กายดำคอสุดท้อง    ขาขนเลเอียดเฮย
ตาดั่งศรีบวบกล    ดอกแย้ม
โกนจาพนนิพนธ์    นามกล่าว ไว้นา
ปากแลหางเรียวแฉล้ม    ทอดเท้าคือสิงห์

แมวนิลรัตน์

แมวนิลรัตน์ เป็นแมวมี สีดำสนิททั้งตัว ขนเป็นมันแวววาว นอกจากนั้น เล็บ ลิ้น ฟัน และนัยน์ตา ยังเป็นสีดำอีกด้วย หางเรียวยาว ตวัดได้ถึงศีรษะ ค่อนข้างหายาก หากใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเพิ่มพูน

บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลรัตน์

สมยานามชาติเชื้อ    นิลรัตน์
กายดำสิทธิสามรรถ    เลิศพร้อม
ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต    นิลคู่ กายนา
หางสุดเรียวยาวน้อม    นอบโน้มเสมอเศียร

ลักษณะแมวมาเลศ

แมวมาเลศ

แมวโคราช หรือ แมวมาเลศ ต้นกำเนิดพบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร

แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา จึงเรียก แมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่น ๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก

ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมี โชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด

แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ในมลรัฐโอเรกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2502ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมริแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก

ปัจจุบันได้มีการผลักดันให้แมวโคราชขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ในปี พ.ศ. 2552[1]

    ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย

    * ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน

    * ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน

    * ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้ไม่ประเสริฐส่วนกับลำตัว

คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่วๆไป จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมวมาเลศ

วิลามาเลศพื้น    พรรณกาย
ขนดังดอกเลาราย    เรียบร้อย
ตาดั่งน้ำค้างย้อย    หยาดต้องสัตบง
โคนขนเมฆมอปลาย    ปลอมเสวตร

ลักษณะแมววิเชียรมาศ


แมววิเชียรมาศ
แมววิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้มคือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิดเพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปากเป็นหนึ่งแห่ง กับขาทั้งสี่ หูสอง หางหนึ่ง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่ง รวมเป็นแห่งเช่นกัน ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brownหรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งในบ้านเราจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้
 ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)

    * ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

    * ลักษณะของนัยน์ตา : ตาสีฟ้า

    * ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้ไม่ประเสริฐส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิเชียรมาศ

ปากบนหางสี่เท้า    โสตสอง
แปดแห่งดำดุจปอง    กล่าวไว้
ศรีเนตรดั่งเรือนรอง    นาคสวาดิ ไว้เอย
นามวิเชียรมาศไซร้    สอดพื้นขนขาว


แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์เรียกอีกชื่อว่าแมวทองแดง มีสีทองแดงหรือน้ำตาลแดงเข้มทั่วตัว อาจมีสีเข้มเป็นพิเศษตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียวฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง ด้วยสีขนออก น้ำตาลเข้ม เหมือนกับสีของทองแดง มีตาสีออกเหลือง หรือ สีอำพัน หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง และบริเวณตามส่วนของร่างกาย เช่นหน้า หู ปลายขา และ หางจะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆไป แมวพันธุ์ศุภลักษณ์จะมีสีสันสะดุดตาอย่างมาก และ มีความสวยงาม สมคำ "ศุภลักษณ์"ที่แปลว่าลักษณะที่ดี ว่ากันว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวที่ได้ติดตามเจ้าของที่เป็นคนไทยซึ่งถูกกวาดต้อน ไปเป็นเชลยศึกที่พม่า เมื่อความนิยมได้แพร่หลายมากขึ้น ชาวต่างชาติจึงได้นำไปจดทะเบียนเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งของโลก โดยใช้ชื่อว่า Burmese แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองไทย

แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ว่ากันว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวที่ได้ติดตามเจ้าของที่เป็นคนไทยซึ่งถูกกวาดต้อน ไปเป็นเชลยศึกที่พม่า เมื่อความนิยมได้แพร่หลายมากขึ้น ชาวต่างชาติจึงได้นำไปจดทะเบียนเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งของโลก โดยใช้ชื่อว่า Burmese แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองไทยนี่เอง ผู้ใดเลี้ยงไว้มีแต่จะเพิ่มยศยิ่งขึ้นไป

ปัจจุบันเมืองไทย หายากมากแต่ มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ สีอื่นๆมากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง พันธุ์

    ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

    * ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป

    * ลักษณะของส่วนหัว : ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่
ลักษณะของนัยน์ตา : แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว

    * ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้ไม่ประเสริฐส่วนกับลำตัว

 ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี


บทกวีที่กล่าวถึงแมวศุภลักษณ์

วิลาศุภลักษณ์ล้ำ    วิลาวรรณ
ศรีดังทองแดงฉัน    เพริศแพร้ว
แสงเนตรเฉกแสงพรรณ    โณภาษ
กรรษสรรพโทษแล้ว    สิ่งร้ายคืนเกษม

ลักษณะแมวไทย


เก้าแต้ม

ตามตำราสมุดข่อยโบราณ จะกำหนดตำแหน่งแต้มไว้ตายตัว โดยที่แต้มจะต้องเป็นสีดำ บนพื้นขาว แต่ในปัจจุบันอนุโลมในเรื่องของตำแหน่ง แต่กำหนดไว้เพียงว่า จะต้องมีแต้มให้ครบทั้ง 9 แต้ม


วิเชียรมาศ

เป็นแมวที่คนไทยโบราณมักเลี้ยงไว้ในราชสำนัก เพราะถือว่าเป็นแมวนำโชค สีขนเป็นสีครีมอ่อนๆ สีแต้มเป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีอยู่บนตัว 9 แห่ง คือ หู 2 ข้าง, ปลายเท้าทั้ง 4 , ปลายหาง ,ปลายจมูก, และที่อวัยวะเพศ


ขาวมณี

หรือขาวปลอด มีดวงตา 2 สีเท่านั้น คือ สีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน แต่เมื่อนำทั้งสองมาผสมกัน จะได้แมวขาวมณีตา 2 สี คือสีฟ้าข้างหนึ่ง และสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ขนเป็นสีขาวสะอาดตลอดทั้งตัว ขนสั้น แน่น และอ่อนนุ่ม


ดำปลอด

หรือ นิลรัตน์ ตามตำราสมุดข่อยโบราณ ต้องมีสีดำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสีขน ฟัน ลิ้น ดวงตา และเล็บ แต่ในปัจจุบัน แมวในลักษณะนี้ไม่มีปรากฎ จึงเหลือเพียงแค่สีขนที่เป็นสีดำสนิททั่วทั้งร่าง ไม่มีสีอื่นแซม หรือปน


ศุภลักษณ์

หรือ ทองแดง มีผู้นำไปจดทะเบียนว่าเป็นแมวพม่า แต่แท้จริงแล้วเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะนิสัยเหมือนแมวไทยมาก ขนเป็นสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีทองแดง ส่วนหูและใบหน้าจะมีสีเข้มมากกว่าที่อื่น


สีสวาด

เป็นแมวที่ชาวบ้านใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝน เพราะเชื่อว่าสีขนเป็นสีเดียวกับเมฆ จะทำให้เกิดฝนแก่ชาวไร่ชาวนาได้ สีขนเป็นสีเทาหม่น คล้ายสีเมฆ เรียกว่าสีดอกเลา หรือสีสวาด คนโบราณเรียกแมว มาเลศ

ลักษณะแมวมงคล


  1. แมวลายเสือ
    เลี้ยงไว้จะปราบ นก หนู งู ในบ้านดีนัก
  2. แมงด่าง
    เป็นแมวให้คุณ ต้องด่างดูสะอาดตา ไม่ด่างเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งตัว
  3. แมวสีดำ
    ไม่ควรเลี้ยงในบ้าน เพราะเป็นแมวคราว มีผีสิงให้เอาไปปล่อยวัด เพราะจะทำให้เจ้าของและบริวารเจ็บไข้ได้ป่วย
  4. แมวสีทอง
    เป็นแมวเจ้าสำราญ เลี้ยงไว้ในบ้านจะมีเสน่ห์ แต่ขาดลาภ แมวก็เกียจคร้าน ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน
  5. แมวสีทองแดง
    เป็นแมวเจ้าเสน่ห์ ไม่ควรเลี้ยงไว้เกิน 2 ตัว ในบ้านเดียวกัน เพราะจะให้โทษในเชิงการพนันและการเลี่ยงโชค
  6. แมวสีเทา
    เป็นแมวนักปราชญ์ ควรเลี้ยงไว้ในบ้านเรือน จะทำให้ลูกหลานก้าวหน้าในวิชาการ
  7. แมวสีขาวด่าง เหลืองหรือดำ
    เป็นแมวเจ้าชู้ ไม่ชอบทำงาน ไม่ชอบจับหนู เอาแต่เที่ยว ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน จะทำให้อับโชค
  8. แมวปากมอมข้อเท้าดำ
    เป็นแมวขโมย ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้เสียทรัพย์ และเสียของรัก
  9. แมวสีขาวปลอด
    เป็นแมวเทพเจ้า ควรเลี้ยงในบ้าน จะค้ำคูณเจ้าของ นำโชคลาภมาให้
  10. แมวสีสวาท
    เป็นแมวเศรษฐี ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน จะทำให้เจ้าของประสบโชคดี และค้าขายหรือทำกิจการเจริญก้าวหน้า
  11. แมวสีเก้าแต้ม
    จะมีสีอะไรก็ตาม แต่ต้องมีสีตามร่างกาย 9 แห่ง เป็นแมวเก้าชีวิต จะนำความสุขความเจริญมาให้เจ้าของ
  12. แมวหางขอดและสั้น
    เป็นแมวหาเช้ากินค่ำ ไม่ควรเลี้ยง จะทำให้เจ้าของอาภัพทรัพย์สิน
  13. แมวหางขอดแต่มีหางยาว
    เป็นแมวมหาอำนาจ เจ้าของจะได้เป็นใหญ่เป็นโต มีวาสนา บริวารดีนักแล
  14. แมวหูดำตาดำ
    สันหลังดำ เป็นแมวยมทูต ไม่ควรเลี้ยงในบ้านเกิน 2 ตัว ถ้ามีตัวเดียวจะดี ถ้ามากจะทำให้เจ้าของมีแต่ความทุกข์ยากลำบากใจ
  15. แมวสีเทานัยน์ตารี่เล็ก
    เป็นแมวปัญจมหาเศรษฐี เวลากลางวันจะออกหากิน ไม่ยอมเงยหน้า เว้นแต่เวลาหาอาหารตอนกลางคืน จะมีขี้ตาอยู่เสมอ เป็นแมวมีนัยน์ตาแก้วค่าควรเมือง หรือที่เรียกว่า "คดตาแมว" หากมันจ้องมองจี้งจกหรือนกบนที่สูง สัตว์อาจจะตกลงมาให้จับกิน ใครมีไว้ในบ้านเรือนให้ทนุถนอม เลี้ยงไว้มีแต่ให้คุณอย่างเดียว เป็นแมวที่หาได้ยากยิ่ง หาค่ามิได้     (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคราบ)      

แมวร้ายให้โทษ

แมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด

  1. ทุพลเพศ มีขนสีขาว ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยไม่ดีชอบลักขโมยปลาไปกินทุกคำคืน ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุขเกิดความเดือดร้อนแรงผลาญ
  2. พรรณพยัคฆ์ หรือ ลายเสือ มีขนลายเหมือนเสือ ลักษณะขนเหมือนชุบด้วยเกลือกับแกลบ มีนัยน์ตาสีแดงเจือสีเปือกตม มีเสียงร้องเหมือนเสียงผีโป่งร้องอยู่ตามป่าเขา ถือว่าเป็นแมวให้โทษอีกชนิดหนึ่ง
  3. ปีศาจ เป็นแมวที่กินลูกตัวเอง ออกลูกมากี่ตัวกินหมด ลักษณะขนสาก ตัวผอม หนังยาน โบราณจัดเป็นแมวร้ายอย่านำมาเลี้ยงไว้
  4. หิณโทษ เป็นแมวนำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย นำภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมามักจะมีลูกตายอยู่ในท้อง
  5. กอบเพลิง เป็นแมวที่ลึกลับชอบซ่อนตัวหลบหลีกผู้คน พอมันเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว
  6. เหน็บเสนียด มีลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ระบบประสาทสัมผัส

การมองเห็น(Sight)
          วิธีการล่าเหยื่อของแมว มีท่าทางการจ้องมองด้วยดวงตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งการได้ยิน ของเสียงด้วยระบบการได้ยินของใบหูทั้งสองส่วนจัดสัมพันธ์กันเป็นองค์ประกอบด้านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ดีเป็นพิเศษ แต่แมวไม่สามารถที่จะแยกแยะในส่วนของสี ที่จะช่วย ให้มันมองเห็นเป็นรูปร่างได้ทันที เนื่องจากหลังม่านกระจกแก้วตาแมวนั้นมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ ช่วยให้แมวมองเห็นวัตถุได้อย่างใกล้ชิด การที่ลูกนัยน์ตาแมวทั้งสองข้างมองเห็นได้นั้นเกิดจาก การควบคุมของระบบประสาทจึงทำให้มันมองเห็นภาพในระยะไกลได้ดีกว่าระยะใกล้ ลูกตา ของแมวสามารถเคลื่อนมองได้กว้างถึง 205 องศา ทำให้แมวมองได้รอบทั่วบริเวณ ที่แคบๆ ส่วนบริเวณพื้นที่กว้างๆ การเคลื่อนไหวของรูปร่างจะทำได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ระบบการ มองเห็นที่ไม่อำนวยต่อมันนั่นเอง

          การดมกลิ่น(Smell)
          แมวได้ถูกพัฒนาความสามารถในระบบการรับรู้กลิ่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับลูกแมว ที่เกิด ใหม่ ก่อนที่มันจะลืมตาได้นั้น มันจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำเพื่อให้มันสามารถดูดนมแม่ได้ ถึงแม้ว่าตายัง ไม่เปิด บริเวณหน้าผากของแมวจะมีต่อมผลิตกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า สารฟีโรโมส์(Pheromose) เป็นกลิ่นเฉพาะ ของมัน การที่เราเห็นแมวชอบเอาศีรษะมาถูหรือ สัมผัสกับคนเราหรือสิ่งของใดๆนั้น แสดงว่า มันได้ปล่อยกลิ่นของมันไว้ มันจึงแยกแยะรับรู้ จากกลิ่นต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ การปล่อย กลิ่นไว้ในที่ต่างๆ ก็สามารถใช้แสดงความเป็น เจ้าของในสิ่งนั้นของมันได้ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีการ รับรู้ที่ดี มันจะร่าเริงในช่วงที่อากาศ อบอุ่นหรือได้รับไอแดด ซึ่งเป็นกลิ่นที่มันปรารถนา การที่เราเห็น แมวนั่งอยู่บริเวณประตูหรือ หน้าต่างบ่อยๆก็เพื่อ สูดดมเอากลิ่นไอแดดมาปะทะเข้าจมูกมันนั่นเองแต่กลิ่นที่ได้รับ นั้นไม่ สามารถกระตุ้นด้วยบริเวณจมูก แต่อากาศที่เข้าสู่จมูกจะถูกดึงดูดขึ้นไปตามท่อรูจมูกบริเวณ ศีรษะผ่านไปสู่ฟันกรามด้านบน แล้ววนไปสู่ระบบประสาทที่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เป็นลักษณะ เช่นเดียวกับการรับรู้กลิ่นของสัตว์ประเภทงู

          การฟังหรือได้ยินเสียง(Hearing)
          แมวสามารถรับฟังเสียงที่มีอัตราความถี่ประมาณ 30-45,000 Hertzโดยเป็นระยะทาง กว้างไกลกว่าคนซึ่งได้ยินเพียง 2,000-5,000Hertz หูของแมวจะมีสันโค้งเป็นจุดรวมการกรอง ของเสียงลักษณะใบหูจะมีขบวนการรับฟังเสียงที่มากระทบโสตประสาทบริเวณหูได้สูงมากในบริเวณ ต้นแหล่งของการเกิดเสียงสะท้อนแมวที่เราเลียงอยู่ในบ้านนั้นสามารถแยกเสียงฝีเท้าเดินของคนในบ้าน และคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านได้ด้วย

          การสัมผัส(Touch)
          แมวมักจะใช้อุ้งฝ่าเท้าส่วนหน้าในการจำแนกหรือวินิจฉัยวัตถุนั้นๆ โดยมีจมูกเป็นตัวกระตุ้น ที่สำคัญในการสัมผัส แมวสามารถมีแรงผลักดันของการรับรู้ในบริเวณช่วงขนที่ขึ้นยาว คือ หนวด คิ้ว และช่วงขนที่เป็นเส้นยาวบริเวณหลังอุ้งฝ่าเท้าคู่หน้า หนวดประเภทนี้จะช่วยให้มันทราบ ตำแหน่ง ที่ว่างของการรับรู้จากภายในตัวไปสู่บริเวณตำแหน่งของวัตถุได้ภายในไม่เกิน 1 นาที





พฤติกรรมของแมวไทย

การแสดงออกของใบหน้า 
          หู
          เป็นจุดที่ไวมาก หูจะถูกยกยื่นไปข้างหลัง เป็นการเตือนที่จะสู่โจมศัตรูในกรณีที่หู โค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้างๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้ 
          หนวด 
          ให้ดูจากตำแหน่างการกระจายตัวของหนวด ถ้าหนวดแผ่ออก แมวกำลังเครียด หรือสนใจอะไรบางอย่าง แต่ถ้าหนวดดูลาดและรวบไปไว้ข้างแก้มแมวจะอยู่ด้านหลังเป็นพุ่ม แสดงถึงความสงบสบายใจ 
          ลูกตาดำ 
          ม่านดกที่หดเล็กลงจะแสดงถึงความตึงเครียดหรือสนใจอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างมาก ในกรณีที่ม่านตกเปิดกว้าง มันแสดงถึงความประหลาดใจ กลัวหรือเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว 
          การหาว 
          ไม่ใช่การติดต่อของเชื้อโรคหรือแสดงอาการง่วงนอนที่เกิดกับมนุษย์ แต่มันเป็นสัญญาณ ที่แสดงถึงความแน่ใจ การแสดงออกแบบนี้เหมือนกับมันจะพูดว่า "ฉันรู้สึกสบายดีนะและคุณคงเป็นอย่างฉันด้วย"

          กิริยาท่าทางที่แมวแสดงออก
          หัว 
          เมื่อแมว 2 ตัวที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อนเลยและมาเผชิญหน้าจะติดต่อทำความรู้จักกัน โดยการยึดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกว่าเด่นกว่าจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนตัวที่รู้สึกว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง 
          ลำตัว 
          ถ้าลำตัวยึดตรง แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอหรือ หลังโก่ง แสดงถึงว่าแมวกลัว และพร้อมที่จะจู่โจมได้ทันที 
          หาง 
          หางเป็นเครื่องบ่งบอกอารมณ์ของแมวได้เป็นอย่างดี ถ้าหางนั้นเคลื่อนไหวเป็นคลื่นและ บัดจาก ทางหนึ่งไปยังอีกทางหนึ่ง แสดงถึงมีความตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อแมวต้องการแสดงความ เป็นมิตร แต่ถ้ามันสบัดหางขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงถึงการขู่ แล้วพร้อมที่จะจู่โจม 
          ขน 
          เมื่อแมวอยู่ในภาวะกำลังกลัว ขนจะตั้งชันทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมจะตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมาจากลำตัวและหาง

          การส่งเสียง
          เสียงร้องเหมียวเหมียว 
          เป็นเสียงที่รู้จักกันดี อาจเกิดขึ้นจากที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งตามลำพัง หรือไม่มีความสุข ลูกแมวจะเปล่งเสียงนี้เมื่อมันหลุดออกจากลังหรือกำลังหนาว ถ้าแม่แมวมารบกวนในขณะที่หลับ เป็นสัญญาณความไม่พอใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล และรวมไปถึงการเรียกของทั้ง 2 เพศ 
          การทำเสียงแหลม 
          เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ๆ มันจะแสดงความโกรธโดยการส่งเสียงแหลม ซึ่งเสียงนี้ เรียกว่า "เสียงเพื่อป้องกันตัว" จะแสดงออกมาถี่ ๆ นอกจากนี้เสียงร้องที่สูงและต่ำ เป็นการแสดงถึงการจับคู่กันด้วย 
          การคำราม 
          จะเกิดขึ้นโดยการยกมุมปาก การคำรามอย่างเต็มกำลังซ้ำ ๆ กันแสดงถึงความจริงจัง แมวใหญ่จะทำกันมากเป็นพิเศษ 
          การทำเสียงคลัก 
          เป็นการทำเสียงในระดับสูง แสดงถึงมิตรภาพยินดีจะเป็นเพื่อนด้วยและอาจจะมีการร้องเหมียวเบา ๆ อาจหมายถึงการ สนทนาอย่างเป็นกันเอง 

          การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่น 
          การส่งสัญญาณประเภทนี้จะให้เกิดผลได้ดีเมื่อแมว 2 ตัวได้สัมผัสกันทั้งโดยตรง และโดยทางอ้อม ต่อมกลิ่นที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้าและโคนหาง จะทำหน้าที่ผลิต ฮอร์โมนออกมา โดยเฉพาะในแมวตัวเมียนึ้นจะผลิตฮอร์โมนติดต่อกันเป็นวัฏจักร การถูสัมผัส กันกับแมวตัวอื่น โดนใช้หัว คาง สีข้าง แก้มตลอดจนการใช้ลำตัวไปถูใต้คางของ อีกตัวหนึ่ง ก็เป็นการ สื่อสารแบบหนึ่งด้วย ในแมวตัวผู้มีการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงอาณาเขตของมันเอง โดย มักจะชูหางขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมทั้งปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นออกจากต่อมใต้โคนหาง แมวอาจปล่อยกลิ่นไว้ตาม กำแพง กิ่งและพุ่มไม้ หรือ อาณาเขตของมันโดยทั่วไป กลิ่นจะคงอยู่ ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือ มากกว่านี้เล็กน้อย และในไม่ช้าก็จะจางไปแต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ด้วย หลังจากการต่อสู้ผู้ชนะจะปล่อยกลิ่นหลาย ๆ ครั้งในบริเวณนั้น นอกจากจะแสดงว่า เป็น อาณาเขตของมันแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นใจและความแข็งแรงของมันอีกด้วย ฝ่ายที่แพ้ไป นั้นก็จะปล่อยกลิ่นเหล่านี้ในภายหลังโดยจะระมัดระวังไม่ให้ฝ่ายชนะเห็น

นิสัยของแมวไทย


  แมวไทยมีนิสัยรักความรักอิสระเสรีเช่นเดียวกับคนไทยมักจะไม่พึ่งพาเจ้าของ เพราะ แมวอาจจะออกไปหาอาหารกินได้เองที่นอกบ้าน หรือออกไปทำสิ่งที่อยากทำได้โดยเสรี แมวจะ แสดงความรักเจ้าของเพียงบางครั้งเท่านั้น ไม่สม่ำเสมออย่างสุนัข บางครั้งเจ้าของเรียกแต่ แมวทำเฉยไม่ยอมมาหา ยิ่งกว่านั้นบ่อยครั้งที่เจ้าของกำลังอุ้มมาชื่นชม แต่แมวกลับยกเท้าขึ้น ตบหน้าเข้าของหรือข่วนให้อย่างเต็มรัก ถ้าในขณะอารมณ์ดีแมวจะมาประจบซุกอยู่ในตักโดย ไม่ต้องเชื้อเชิญ และทำเสียงครางกระหึ่มอยู่ในลำคอแสดงความพึงพอใจ แต่แล้วไม่นานก็ลุก พรวดพราดหรือกระโดดหนีไปเฉยๆ แมวจึงเป็นเจ้าของคนมากกว่าคนเป็นเจ้าของแมว ถ้าแมว พอใจจะยกหางสูง เวลากลัวจะเอาหางซ่อนไว้ใต้ตัว

          คนที่ถือโชคลางเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ลึกลับ เพราะตาแมวมีประกายส่องไปในที่มืด แลเห็น แสงได้ถนัดอย่างน่ามหัศจรรย์ ฝีเท้าแมวก็เบามากเพราะเดินด้วยเล็บเท้ามิใช่ฝ่าเท้า บางเวลาที่ นั่งอยู่ แมวจะเพ่งมองดูอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งนัยน์ตาของคนเรามองไม่เห็น แล้วก็ลุกขึ้นไปอย่าง กะทันหันเหมือนมมีอำนาจลึกลับมาร้องเรียก จึงดูประหนึ่งว่าแมวสามารถติดต่อกับสิ่งลึกลับ เหนืออำนาจมนุษย์ได้

          นอกจากนี้แมวยังมีนิสัยชอบโอ้อวด เมื่อแมวออกไปตระเวนหาประสบการณ์ ถ้าบังเอิญ ไปจับนกหรือหนูมาได้ แมวจะคาบเหยื่อวิ่งมาอวดเจ้าของให้รับรู้ใน ความสามารถของมัน โดยจะส่งเสียงร้องเหงียวหงาวจนเจ้าของแลเห็น และแสดงความชื่นชมในฝีมือของมัน แล้ว แมวก็จะสบายใจวางเหยื่อลงหรือหยอกเล่น แมวไทยมีนิสัยดีมักไม่กินสิ่งที่จับมาได้ไม่ว่าสิ่ง นั้นจะเป็นอะไร

          ความฉลาดรอบคอบและเตรียมพร้อมของแมวไทยจะเห็นได้จากแมวตัวเมียเมื่อตั้งท้อง มันจะหาที่คลอดเตรียมไว้เพื่อเลี้ยงลูกในที่ปลอดภัยที่สุด และมักไม่พอใจสถานที่ซึ่งเจ้าของจัด เตรียมให้ แมวไทยชอบคลอดลูกบนที่สูง เช่นบนหลังคา ้าหากมีช่องโหว่ให้เข้าไปในเพดานได้ หลังชั้นหนังสือ หลังตู้ เป็นต้น แมวอาจฉีกเสื้อผ้า กระดาษ หรือของที่มันหามาได้ปูรอง พื้นให้ ลูกของมันอยู่สบาย

          อาจเป็นเพราะแมวเคยเป็นสัตว์ป่ามาก่อน จึงมักชอบประลองเล็บไม่เลือกที่ ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้รับแขกตัวงาม โต๊ะ กินข้าวตัวใหม่ หรือเก้าอี้นวมสวยๆ ก็ไม่ได้รับการยกเว้น วิธีแก้ไขก็คือ ต้องหาท่อนไม่หยาบๆ ไว้ให้แมวได้ลับคมเล็บเล่นบ้างตามสัญชาติญาณของมัน

กำเนิดแมวพันธุ์ไทย

hedder
แมวไทยโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา 17 สายพันธุ์ประวัติของแมวไทยที่น่าเชื่อถือ
ได้ตามตำราโบราณได ้จารึกด้วยลายลักษณ์อักษรในสมุดข่อย ได้อ่านดูจะพบว่ามีคำว่าแมว จารึกอยู่ในนั้นด้วย ในสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ว่ามีแมวไทยโบราณอยู่

ในสมัยนั้น 17 สายพันธุ์ (ชื่อแมวลักษณะตามตำราว่าไว้บทกลอนและรูปแมวอยู่ต่อตอนท้าย
ของเรื่องนี้) และแมวไทยในสมัยนั้นได้หายไปพักหนึ่งจนมาในช่วงหลังรัตนโกสินทร์ในสมัย รัชกาลที่ 5 ได้เริ่มเลี้ยงแมวไทยขึ้นมาอีก แต่คราวนี้แมวที่เลี้ยงจะมีอยู่แต่ในวัง โดยมากจะเป็น แมววิเชียรมาศ ชาวบ้านธรรมดาในสมัยนั้นจะไม่มีสิทธิได้เลี้ยงแมวเลย และก็ไม่มีการซื้อขาย แมวด้วย แต่จะให้เป็นของสำคัญเป็นที่ระลึกเท่านั้น สมัยรัชกาลที่ 5 นี้เอง ได้พระราชทานแมว ไทยพันธุ์วิเชียรมาสเป็นของขวัญให้แก่กงศุลชาวอังกฤษ 1 คู่ตัวผู้กับตัวเมีย และกงศลชาว อังกฤษคนนั้น ได้นำเอาแมววิเชียรมาศกลับบ้านเกิดที่ประเทศอังกฤษ และได้เอาแมวไทยคู่ นั้นลงประกวดแมวทั่วโลกที่คริสตัลพาเลซ ที่ประเทศอังกฤษ ปี 2428 ผลปรากฎออกมาว่า แมววิเชียรมาสหรือเก้าแต้มเป็นแมวของประเทศไทยเราชนะได้รางวัลที่ 1 ประเภทแมว ขนสั้นและในงานครั้งนี้เองทำให้แมวไทยมีชื่อเสียงก้องโลกในฐานะเช่นแมวพันธุ์ดีสวยที่สุด ในโลก และชาวต่างชาติยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าแมวไทยเป็นแมวขนสั้นที่สวยที่สุดในโลก หรือสมญานามที่ว่า "แมวไทยระบือไกลทั่วโลกอีกอย่างหนึ่งทำให้ชาวต่างชาติรู้จัก ประเทศไทย มากขึ้น ถ้าพูดถึงแมววิเชียรมาสของไทยเราตามมาด้วยแมวอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่อยู่ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ให้เป็นแมวขาวมณี แต่ตามตำราที่จารึกประวัติของแมวไทยในสมัย กรุงศรีอยุธยาทั้ง 17 สายพันธุ์ แมวขาวมณีจะไม่ได้ถูกจารึกเอาไว้ คือจะอยู่นอกตำรา

          ในปลายสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แมวไทยสมัยโบราณทั้ง 17 สายพันธุ์ได้เริ่มหายสาบสูญ ไปตามกาลเวลาหรือเป็นเหตุที่ว่าในสมัยนั้นแมวที่เคยเลี้ยงอยู่ในวังก็เริ่มลดน้อยลง แต่จะเลี้ยง แมวกระจัดกระจายกันไปทั่วตามที่ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเลี้ยงอยู่ในวัดวาอารามเพื่อป้องกันโจร ขโมยตามบ้านเรือน ทำให้แมวไทยพันธุ์แม้ผสมพันธุ์กันโดยธรรมชาติข้ามสายพันธุ์ ทำให้เกิด แมวไทยเป็นลูกผสมออกมามากมายจากแมวสายพันธ ุ์แท้เดิม 17 สายพันธุ์ ก็เริ่มหายสาบสูญ ไปจนเกือบหมดและได้แมวไทยลูกผสม ออกมาแทน จึงทำให้ในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ ยังเหลือแมวไทยพันธุ์แม้อยู่เพียง6 สายพันธุ์เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที้ไม่น่า จะเกิดขึ้นเลย ถ้าจะ กล่าวโทษก็ต้องโทษ คนไทยทุกคนที่มองข้าม แมวไทย กลับหันไปมองแมวของประเทศอื่น แต่ในทางกลับกันชาวต่างชาติเริ่มสนใจแมวไทยพันธุ์แท้มากขึ้นและเขาได้เอาแมวไทยของเรา ไปผสมกับแมวของคนต่างชาติจนได้ลูกออกมาคล้ายคลึงกับแมวไทยมากขึ้นและเขาได้จด ทะเบียนให้ชื่อว่าแมวโคราช ซึ่งที่จริงเป็นแมวสีสวาดของไทยเราเป็นของเขา แมวเบอร์มีส ก็คือ ศุภลักษณ์ และแมวแบล็คบอมเบย์ ก็คือแมวโกญจา แต่ถึงอย่างไรเขาจดทะเบียน แมวพันธุ์ ของไทยเป็นแมวของเขาและให้ชื่อแบบของเขา
        

แมวมงคล17ชนิด




          1. นิลรัตน์ 



              ลักษณะ สีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา และกระดูก หางยาวตวัดได้จนถึงหัว เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะมีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย

         2. วิลาศ 

              ลักษณะ มีลำตัวสีดำจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย




         3. ศุภลักษณ์ หรือ ทองแดง 
                   
             ลักษณะ สีขนเป็นสีทองแดงตลอดตัว มีนัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงจักได้ยศถา ยิ่งพ้นพรรณนาเป็นอำมาตย์มนตรี

         4. เก้าแต้ม 

              ลักษณะ มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มสีดำเก้าจุดที่คอ หัว ต้นขาหน้าและหลังทั้งสองข้างและที่ท้ายลำตัว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะรุ่งเรืองทางการค้าขาย

         5. มาเลศ หรือ แมวโคราช หรือ สีสวาด 

              ลักษณะ มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างย้อยต้องกลีบบัว ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำมาซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล

         6. แซมเศวต 

             ลักษณะ  มีขนสีดำแซมขาว มีขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีนัยน์ตาดั่งหิ่งห้อย เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย

         7. รัตนกัมพล 

             ลักษณะ ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศ ผู้อื่นยำเกรง



         8. วิเชียรมาศ 

             ลักษณะ เมื่อแรกเกิดมีขนสีขาวหมด พอโตขึ้นจะมีสีเปลี่ยนเป็นสีครีมอ่อน ๆ แต่ที่หน้า หาง เท้าทั้งสี่หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีก 1 แห่งรวมเก้าแห่งมีสีน้ำตาล (สีเข้ม) มีนัยน์ตาประกายสีฟ้าสดใส เลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งลำนักหนา จักนำโภคาพิพัฒน์สมบัติเพิ่มพูล

         9. นิลจักร 

              ลักษณะ มีลำตัวดำสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู่รอบเหมือนกับปลอกคอ เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีทรัพย์มาก

         10. มุลิลา 

              ลักษณะ ลำตัวดำ หูสองข้างมีสีขาว ตามีสีเหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว่าแมวชนิดนี้เหมาะกับนักบวชเลี้ยงเพราะช่วยให้มีการเล่าเรียนดีสมปรารถนา

         11. กรอบแว่นหรืออานม้า 

              ลักษณะ มีปานลักษณะอานม้าบนหลัง เชื่อว่าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตำลึงทองคำ และให้เกียรติยศแก่เจ้าของ

         12. ปัดเสวตรหรือปัดตลอด 

              ลักษณะ ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ

         13. กระจอก 

              ลักษณะ ไม่กระจอกเหมือนชื่อ ลำตัวกลมมีสีดำ รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วเชื่อกันว่าจะได้ที่ดินเงินทอง ไพร่ก็จะได้เป็นเจ้านายคน

         14. สิงหเสพย์ หรือ โสงหเสพย์

             ลักษณะ ลำตัวมีสีดำ ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง ท่าทางเดินสง่าเหมือนสิงโต เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล

         15. การเวก 

              ลักษณะ ลำตัวสีดำ จมูกสีขาว ตาเป็นประกายสีทอง เชื่อกันว่าภายใน 7 เดือนที่ได้มาเลี้ยงจะได้ยศศักดิ์และลาภจำนวนมาก

         16. จตุบท 

              ลักษณะ ตัวสีดำ เท้าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลืองเหมือนดอกโสน เชื่อว่าให้คุณกับคนเลี้ยง แต่ไม่เหมาะกับคนทั่วไป สมควรเลี้ยงแก่บุคคลชั้นสูงหรือราชินิกูลเท่านั้น

         17. โกนจา หรือ ดำปลอด

              ลักษณะ มีสีดำละเอียด นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต แมวนี้เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย